ที่ดิน เป็นของที่มีค่าและเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับชาวบ้านอย่างเราๆ หากไม่มีที่ดินแล้ว ก็คงจะไม่มีที่ที่จะอยู่อาศัย ไม่มีอาหารที่จะเอากิน และสุดท้ายก็คงไม่มีมนุษย์คนใดมีชีวิตรอดอยู่ได้บนโลกใบนี้อย่างแน่นอน
ในเมื่อที่ดินมีค่าและมีความจำเป็นอย่างที่ว่ามาแล้ว การเป็นเจ้าของที่ดินซักแปลงหนึ่ง จึงเป็นเรื่องที่ใครๆ ต่างก็ใฝ่ฝัน ดังนั้นการเสาะหาและการแย่งที่ดินในปัจจุบัน จึงเป็นเรื่องปกติที่เห็นอยู่ได้ทั่วไป ซึ่งสำหรับคนที่มีทุนอยู่มาก ก็สามารถที่จะกว้านซื้อเอาไว้ได้มาก หากมีน้อยก็ได้แปลงน้อย หรือหากใครไม่มีเงินเลย อย่างนี้ก็คงทำอะไรไม่ได้
แต่ว่าบางคน มีที่ดินเยอะมาก แต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ปล่อยให้รกร้างว่างเปล่า ไม่เคยเข้าไปดูแลที่ดินเลยเป็นสิบๆปี ซ้ำร้ายกว่านั้น บางคนกว้านซื้อที่ดินเอาไว้เก็งกำไรเท่านั้น โดยที่คนซื้อเองก็ไม่รู้ว่าหรอกว่าที่ดินของตัวเองอยู่ที่ไหนบ้างพอวันดีคืนร้ายอยากไปดูที่ดินของตัวเองตามที่อยู่ที่ปรากฎในโฉนด แต่พอไปถึง อ้าว...มีคนมาอาศัยอยู่เสียแล้ว พอเข้าไปถาม คนที่อยู่อาศัยในที่ดินก็บอกว่า เขาได้เข้ามาอยู่อาศัยเป็นเวลากว่า 20 กว่าปีแล้ว กรณีอย่างนี้เจ้าของที่ดินจะทำอย่างไรและคนที่เข้ามาอยู่อาศัยมีสิทธิในที่ดินบ้างหรือไม่ เรามาดูรายละเอียดกัน
การครอบครองปรปักษ์ที่ดิน คือ การแย่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่มีเจ้าของ โดยการเข้าไปครอบครองที่ดินที่มีโฉนดของคนอื่นโดยสงบและเปิดเผย ด้วยการแสดงตัวว่าตัวเองนั้นเป็นเจ้าของที่ดินแปลงนั้น และได้ครอบครองทำประโยชน์ติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปี เมื่อครบ 10 ปี แล้ว คนครอบครองก็จะเป็นเจ้าของที่ดินแปลงนั้นไปโดยทันที
การครอบครองปรปักษ์ที่ดินนั้น จะทำได้เฉพาะที่ดินที่มีเอกสารสิทธิเป็นโฉนดที่ดินเท่านั้น ส่วนที่ดินอื่นๆ ไม่สามารถครอบครองปรปักษ์ที่ดินได้
การเข้าไปครอบครองที่ดินของคนอื่นนั้น ได้เข้าไปครอบครองทำกินโดยสงบ คือ ไม่มีการโต้แย้ง คัดค้าน หรือขับไล่จากเจ้าของที่ดินเดิม และเปิดเผยให้คนอื่นๆ หรือคนทั่วไปได้เห็น หรือเข้าใจได้ว่า คนที่เข้าไปครอบครองที่ดินนั้น เป็นเจ้าของที่ดิน
เมื่อได้ครอบครองทำกินในที่ดินแปลงนั้น ครบกำหนด 10 ปี แล้ว คนครอบครองก็จะได้กรรมสิทธิ์ หรือเป็นเจ้าของที่ดินตามกฎหมายทันที แต่ว่าการเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ หรือการเป็นเจ้าของที่ดินนั้น ก็ยังไม่สมบูรณ์ที่สุด นอกจากผู้ครอบครองปรปักษ์ที่ดินจะได้ไปจดทะเบียนการได้ที่ดินนั้นมากับเจ้าหน้าที่เสียก่อน โดยผู้ครอบครองปรปักษ์ที่ดิน จะต้องไปร้องขอต่อศาล เพื่อให้ศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษาแสดงสิทธิ์ในที่ดินว่า ผู้ครอบครองปรปักษ์ที่ดินนั้นเป็นเจ้าของที่ดินตามกฎหมายแล้ว จากนั้นก็ต้องไปดำเนินการติดต่อยังสำนักงานทะเบียนที่ดิน เพื่อจดทะเบียนที่ดินเปลี่ยนแปลงชื่อเจ้าของที่ดินเดิมในโฉนดที่ดินนั้น มาเป็นของผู้ครอบครองปรปักษ์ที่ดินเสียก่อนครับ
ผลของการไม่ไปจดทะเบียนการได้มาซึ่งที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์กับเจ้าหน้าที่นั้น เบื้องต้นผู้ครอบครองปรปักษ์ที่ดิน สามารถที่จะอ้างสิทธิความเป็นเจ้ากับเจ้าของที่ดินเดิมได้ แต่ว่าผู้ครอบครองปรปักษ์ที่ดิน จะไม่สามารถเอาไปอ้างหรือเอาไปโต้แย้งบุคคลภายนอก ที่ได้เข้ามาซื้อที่ดินโดยสุจริต และได้ไปทำการจดทะเบียนโอนกันอย่างถูกต้องแล้วได้
สุดท้ายนี้ คนที่เป็นเจ้าของที่ดินทั้งหลาย ก็อย่าได้ปล่อยปละละเลยที่ดินของตัวเองนะครับ ให้เข้าไปดูแล้วทำประโยชน์บนที่ดินนั้นเสีย อย่าไปมัวคิดเอาเองว่า อย่างไรเสียก็เป็นเจ้าของ คงไม่สูญหยไปไหน สุดท้ายก็หารู้ว่า กฎหมายเขาได้ให้สิทธิกับคนที่ได้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินนั้นจริงๆ ครับ ไม่ใช่เพียงในนาม